![](https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjZ_P8qZq3tiS8rN8CTIkKIa89u5ZAc_aE4mHNQFre8bJOhHY5TYy2-c8_lKeVj82OTiX-v3U1QqHqIcXvhtdGd7_s_nONmQfUu6zY8lGLnwsdJLM5tCnaVII13lCldQcZclMsIaPltGcZt/s1600/%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%AD%E0%B8%B2%E0%B8%88%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%A2%E0%B9%8C%E0%B8%84%E0%B8%B3+%E0%B8%AD%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%B4%E0%B9%82%E0%B8%A2.jpg)
ตำนานเหล็กไหล
เหล็กไหลเป็นโลหะธาตุที่มีความลี้ลับพิสดาร แปลกประหลาดมหัศจรรย์แตกต่างไปจากโลหะธาตุทั้งปวง จึงได้ถูกจัดอยู่ในฐานะ “ธาตุกายสิทธิ์” ที่มีชีวิตจิตวิญญาณ ซึ่งเป็นไปตามวิบากของกฎแห่งกรรม ที่บันดาลให้วิญญาณในสังสารวัฏมาปฏิสนธิ ในสภาวะที่เป็นโลหะธาตุที่ศักดิ์สิทธิ์มี อิทธิฤทธิ์เหนือธรรมชาติทั่วไป
ดังนั้น “เหล็กไหล” จึงถือเสมือนหนึ่งเป็น “สัตว์โลกที่มีชีวิต” เผ่าพันธุ์หนึ่งในโลก เพราะเหล็กไหลมีทั้งตัวผู้และตัวเมีย สามารถเคลื่อนไหวได้ เสพบริโภคน้ำผึ้งเป็นอาหาร มีการขับถ่ายออกมาได้ ซึ่งเรียกกันว่า “ขี้เหล็กไหล” นอกจากนี้ยังสามารถเสพกามได้ แต่เป็นการเสพกามกันทางกระแสจิตวิญญาณ เพราะเพียงแต่มีความรู้สึกใคร่ในกามารมณ์ ก็สามารถบรรลุจุดสุดยอดได้ในทันที โดยไม่ ต้องมีการถูกต้องสัมผัสกัน และชอบพักผ่อนหลับนอนในสถานที่สงบตามถ้ำ
เหล็กไหลจึงจัดเป็นสัตว์ที่ประเสริฐเผ่าพันธุ์หนึ่งของโลก จัดอยู่ในจำพวกเทพ แต่เป็นเทพที่ มาชดใช้วิบากกรรมในโลกมนุษย์ ดังนั้นจึงทำให้มีพวก ยักษ์ คนธรรพ์ ครุฑ นาค คอยให้ความอารักขาอีกทีหนึ่ง เหล็กไหลจึงมีถิ่นกำเนิด และบารมีที่แตกต่างกันไป ตามเผ่าพันธุ์และวรรณะ ซึ่งเป็นลักษณะเฉพาะ และสมมุติเรียกหาเพื่อให้เห็นความแตกต่างชัดเจนขึ้นเท่านั้น